การวิเคราะห์: ข้อกล่าวหาการผูกขาดทางกฎหมายต่อ Anthropic โดยที่ปรึกษาด้าน AI ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์
ในวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ข้อกล่าวหาเรื่อง “การผูกขาดทางกฎหมาย” (Regulatory Capture) ที่เล็งเป้าไปที่ Anthropic ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา AI ชั้นนำ ได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ผู้ที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาคือ นาย Lan Xuezhao ที่ปรึกษาด้าน AI ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านเทคโนโลยี
นาย Xuezhao ได้จุดชนวนข้อถกเถียงนี้ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่า Anthropic ซึ่งมีโมเดล AI ที่มีชื่อเสียงรองรับโดยอดีตผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI ได้ใช้ยุทธศาสตร์ที่อาจส่งผลให้เกิดการผูกขาดทางกฎหมาย ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแนวทางการควบคุมอุตสาหกรรม AI อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและธรรมาภิบาล
แก่นของข้อกล่าวหา: การใช้กฎระเบียบเพื่อขจัดคู่แข่ง
ตามคำกล่าวของ Xuezhao, Anthropic กำลังผลักดันให้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินความจำเป็นสำหรับระบบ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นย้ำถึง “ต้นทุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ” (Compliance Costs) ที่สูงลิ่ว กลยุทธ์นี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างกำแพงกั้นที่สูงชันเกินกว่าที่สตาร์ทอัพรายย่อยหรือคู่แข่งหน้าใหม่จะสามารถปีนข้ามได้ หากข้อเสนอของ Anthropic กลายเป็นมาตรฐานของกฎหมาย อาจส่งผลให้เหลือเพียงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรทางการเงินมหาศาลเท่านั้นที่สามารถดำเนินการตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้ ซึ่งนับเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยปริยาย
Xuezhao ชี้ให้เห็นว่า ข้อบังคับทางกฎหมายด้าน AI ที่เน้นการควบคุมแบบเข้มข้นจะทำให้บริษัทเกิดใหม่ (startups) ไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากต้องทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่ไปกับการจัดการด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกมองว่าเป็นการใช้ “การผูกขาดทางกฎหมาย” เพื่อให้ตนเองได้เปรียบ
การใช้กฎหมายเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า
Anthropic ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ OpenAI และมีทุนสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Amazon ถูกผู้ตั้งข้อสังเกตบางรายมองว่ามีแรงจูงใจในการลดจำนวนคู่แข่ง เพื่อให้สามารถรักษาสถานะผู้นำในตลาด AI ได้ในระยะยาว
Xuezhao ระบุว่าท่าทีของ Anthropic ในการเรียกร้องให้มีการควบคุมที่เข้มงวดนั้นขัดแย้งกับหลักการของตลาดเสรีและการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เมื่อพิจารณาจากขนาดองค์กรและเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจของ Anthropic การที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ซับซ้อนดูจะไม่ใช่ภาระหนักเท่ากับบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งอาจนำไปสู่การยุติบทบาทของบริษัท AI ที่มีศักยภาพในการเป็นคู่แข่งตั้งแต่เริ่มต้น
การตอบสนองและบริบทของตลาด AI
ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระแสการพัฒนากฎหมายว่าด้วย AI ในระดับโลกกำลังเข้มข้นขึ้น รัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป กำลังดำเนินการพิจารณากฎหมายที่ครอบคลุมความเสี่ยงของ AI เชิงกำเนิด (Generative AI)
ท่าทีของ Anthropic ในการผลักดันให้เกิดมาตรฐานความปลอดภัยและความรับผิดชอบที่เข้มงวดนั้นสามารถมองได้สองด้าน: ด้านหนึ่งคือการรับผิดชอบต่อความเสี่ยงของเทคโนโลยี ตามที่บริษัทมักกล่าวอ้าง และอีกด้านหนึ่งคือการสร้างอุปสรรคทางเข้าสู่ตลาด (Barriers to Entry) สำหรับคู่แข่ง
สำหรับ Xuezhao ข้อกล่าวหานี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นในการส่งเสริม AI แบบเปิด (Open AI) และการต่อต้านการรวมศูนย์อำนาจ (Centralization) ในภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมศูนย์ที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
ในบริบทของการแข่งขันด้าน AI ระดับโลก ความเสี่ยงของการผูกขาดทางกฎหมายถือเป็นประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของนวัตกรรม เนื่องจากการจำกัดผู้เล่นในตลาดอาจส่งผลให้เกิดความซบเซาทางความคิดและลดอัตราการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อกังวลที่ผู้กำหนดนโยบายและผู้ประกอบการต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ข้อกล่าวหาของที่ปรึกษา AI ของทรัมป์ได้เน้นย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างความจำเป็นในการกำกับดูแลเพื่อความปลอดภัย กับความเสี่ยงที่การกำกับดูแลนั้นจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการค้าเพื่อจำกัดการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ที่มีมูลค่ามหาศาล
This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)