โอเพนเอไอวางแผนให้ ChatGPT ตอบสนองเหมือนมนุษย์มากขึ้น พร้อมตัวเลือกสำหรับการสนทนาทางเพศ

ปรับปรุงการตอบสนองของ ChatGPT ให้มีความสมจริงยิ่งขึ้น: การเปิดศักราชใหม่ของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI

OpenAI กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่สำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถของ ChatGPT ให้สามารถสร้างบทสนทนาที่ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอคุณลักษณะใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับโทนและสไตล์การตอบสนองของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล ซึ่งรวมถึงการนำเสนอทางเลือกในการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เป็นที่ต้องการในบริบทยิ่งขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า OpenAI กำลังดำเนินการกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model - LLM) เพื่อให้ ChatGPT สามารถกำหนดขอบเขตของการสื่อสารได้หลากหลายมิติมากขึ้น ซึ่งต่างจากการสนทนาที่มีรูปแบบตายตัวในปัจจุบัน การพัฒนานี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความสมจริงในการตอบโต้ของ AI

การปรับแต่งบุคลิกภาพและการตอบสนองตามบริบท

หนึ่งในคุณสมบัติหลักที่กำลังจะถูกนำมาใช้คือ ความสามารถในการ “ปรับแต่ง” บุคลิกภาพของ ChatGPT โดยผู้ใช้งานอาจสามารถเลือกจากชุดบุคลิกภาพที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือแม้กระทั่งสร้าง “ตัวตน” (Personas) ของ AI ขึ้นมาใหม่ตามลักษณะที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโทนเสียงที่ดูเป็นมืออาชีพ เป็นกันเอง หรือแม้แต่เป็นแนวทางที่ผ่อนคลายและสร้างสรรค์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้เครื่องมือ AI สามารถแสดงออกทางอารมณ์และสไตล์การสื่อสารที่ซับซ้อนขึ้น คล้ายคลึงกับการสนทนาระหว่างมนุษย์กับมนุษย์

นอกจากนี้ การพัฒนาดังกล่าวได้ขยายขอบเขตไปถึงการปรับปรุงกลไกการกรองเนื้อหา (Content Filtering) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของเนื้อหาที่มีความอ่อนไหวหรือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ (Adult Content) ในอดีต ChatGPT ได้รับการตั้งโปรแกรมให้มีการจำกัดและปฏิเสธการตอบสนองต่อคำขอที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางเพศอย่างเข้มงวด ทว่า การปรับปรุงใหม่นี้บ่งชี้ว่า OpenAI กำลังพิจารณาทบทวนนโยบายเหล่านี้ เพื่อเปิดช่องทางให้ AI สามารถจัดการกับการสนทนาในลักษณะดังกล่าวได้ภายใต้กรอบการใช้งานที่กำหนด

การเปิดโอกาสสำหรับการสนทนาที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน

การเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองคือ การเตรียมที่จะอนุญาตให้ ChatGPT มีความสามารถในการตอบสนองในลักษณะ “อีโรติก” หรือ การสนทนาที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อนหน้านี้ถูกบล็อกอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับการวิจัยและการตอบรับจากผู้ใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการสนทนาที่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การจะเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้แสดงว่า OpenAI จะต้องออกแบบมาตรการรักษาความปลอดภัยและจริยธรรมที่รัดกุมเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด หรือการสร้างเนื้อหาที่ละเมิดข้อกำหนดและกฎหมาย ข้อมูลที่เปิดเผยระบุว่า การอนุญาตให้มีการสนทนาที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม อาจเกิดขึ้นได้ในรูปแบบของการบริการที่เป็นทางเลือก (Opt-in) สำหรับผู้ใช้งานที่เลือกเปิดใช้งานคุณสมบัติดังกล่าวเท่านั้น

นัยยะต่ออนาคตของการปฏิสัมพันธ์กับ AI

การริเริ่มโครงการนี้ของ OpenAI ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนผ่านในเชิงปรัชญาของการใช้งาน AI การที่ AI สามารถเลียนแบบการสนทนาที่มีความลึกซึ้งและมีอารมณ์ร่วมได้มากขึ้น จะเป็นการเปิดประตูสู่การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การบำบัดทางจิตวิทยา (Therapy) การสร้างสรรค์เนื้อหาในเชิงศิลปะ (Creative Content Generation) และการให้บริการลูกค้าที่ต้องการความเข้าอกเข้าใจในระดับสูง

สำหรับภาคธุรกิจ การที่ ChatGPT มีความสามารถในการปรับบุคลิกภาพให้สอดคล้องกับแบรนด์หรือกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม จะเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นส่วนตัว (Personalized CEM) และน่าประทับใจยิ่งขึ้น โดยขยายบทบาทของ AI จากการเป็นเพียงเครื่องมือตอบคำถาม ไปสู่การเป็น “พันธมิตรในการสนทนา” (Conversational Partner) ที่สมจริงและมีปฏิสัมพันธ์ที่ยืดหยุ่นตามบริบท

การพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ OpenAI ในการผลักดันขีดจำกัดของ LLM เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์การสื่อสารที่มีความเป็นมนุษย์ (Human-like Communication) มากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับเทคโนโลยี AI ในทศวรรษหน้า

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)