กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ จะขยายการเก็บข้อมูล dna อย่างมาก

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา (DHS) มีแผนที่จะขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลดีเอ็นเออย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายที่จะรวมข้อมูลดีเอ็นเอของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายเข้าสู่ฐานข้อมูลของหน่วยงาน

ภูมิหลังและการพัฒนา

แผนการนี้มีพื้นฐานมาจากการที่ DHS ได้รับอำนาจในการเก็บรวบรวมข้อมูลชีวมาตร (biometric data) รวมถึงดีเอ็นเอ จากบุคคลที่ถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายการย้ายถิ่นฐาน การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารที่กำหนดให้ DHS มีหน้าที่ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลชีวมาตรเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ

วัตถุประสงค์หลัก

วัตถุประสงค์หลักของการขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลดีเอ็นเอคือเพื่อ:

  • ระบุตัวตน: เพื่อระบุตัวตนของบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
  • การรักษาความปลอดภัย: เพื่อเพิ่มพูนความปลอดภัยของชายพรมแดนและการขนส่ง
  • การสืบสวน: เพื่อสนับสนุนการสืบสวนอาชญากรรมและการก่อการร้าย
  • การติดตาม: เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับติดตามบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

ผลกระทบและข้อกังวล

การขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลดีเอ็นเอก่อให้เกิดคำถามและข้อกังวลที่สำคัญ ดังนี้:

  • ความเป็นส่วนตัว: การเก็บรวบรวมดีเอ็นเอของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งอาจรวมถึงผู้ลี้ภัยหรือผู้ที่แสวงหาโอกาสที่ดีกว่า ยกระดับข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรง เนื่องจากดีเอ็นเอเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนมาก
  • การนำไปใช้: มีความกังวลเกี่ยวกับการนำดีเอ็นเอที่เก็บรวบรวมไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการรักษาความปลอดภัย ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เพื่อการสอดแนมหรือการเลือกปฏิบัติ
  • ความแม่นยำและอคติ: แม้ว่าเทคโนโลยีดีเอ็นเอจะมีความก้าวหน้า แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรืออคติในการตีความผลลัพธ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่บริสุทธิ์
  • การจัดเก็บข้อมูล: วิธีการจัดเก็บข้อมูลดีเอ็นเออย่างปลอดภัย และระยะเวลาในการเก็บรักษา เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการนำไปใช้ในทางที่ผิด
  • ผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน: กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงการรวมเอาข้อมูลดีเอ็นเอของผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองเข้าไปในฐานข้อมูลของรัฐบาล
  • การเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอาชญากร: เมื่อดีเอ็นเอของผู้เดินทางจำนวนมากถูกรวบรวม ขอบเขตของฐานข้อมูลนี้อาจขยายใหญ่จนเปรียบได้กับฐานข้อมูลดีเอ็นเอของอาชญากร ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าบุคคลเหล่านั้นจะถูกปฏิบัติอย่างไรในอนาคต

กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ

DHS อ้างว่าการกระทำดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ทนายความและนักสิทธิมนุษยชนบางคนตั้งคำถามว่ากฎหมายเหล่านี้ครอบคลุมถึงการเก็บดีเอ็นเอของผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศหรือไม่

แนวโน้มในอนาคต

หากแผนการนี้ได้รับการดำเนินการอย่างเต็มที่ ก็จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแนวทางการเก็บข้อมูลชีวมาตรของสหรัฐอเมริกา และจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสิทธิความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงของข้อมูลของบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศ

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)