ยาห์น เลคุน แห่ง Meta AI กล่าวว่าเขา memainkan peran tidak langsungในการพัฒนาโมเดล Llama

บทความนี้จะนำเสนอถึงมุมมองของ ดร. แยน เลอคุน (Yann LeCun) หัวหน้าฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของเมตา (Meta) เกี่ยวกับบทบาทของเขาในการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ตระกูล LLaMA ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ AI ที่เปิดกว้าง (open-source) ของเมตา

ดร. เลอคุน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน “บิดาผู้ให้กำเนิด” ของการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) ได้ให้ความชัดเจนว่า การมีส่วนร่วมโดยตรงของเขาในการพัฒนาโมเดล LLaMA นั้นมีจำกัด โดยเขากล่าวว่าบทบาทหลักของเขาในโปรเจกต์ LLaMA (รวมถึง LLaMA 1 และ 2) เป็นเพียง “ผู้มีส่วนร่วมทางอ้อม” เท่านั้น

ในคำอธิบายของ ดร. เลอคุน บทบาททางอ้อมนี้หมายถึงการที่เขาไม่ได้เป็นผู้พัฒนาตัวแบบจำลอง (model) หรือมีส่วนร่วมในการฝึกสอน (training) โมเดลโดยตรง หากแต่บทบาทของเขามุ่งเน้นไปที่การสร้างรากฐานเชิงกลยุทธ์และการวิจัยระยะยาวที่นำไปสู่ความสำเร็จของ LLaMA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวิจัยพื้นฐานของ AI (Fundamental AI Research - FAIR) ของเมตา

การริเริ่มและการวิจัยพื้นฐาน: บทบาทเบื้องหลังความสำเร็จ

ดร. เลอคุนเน้นย้ำว่า เป้าหมายหลักของเขาในการกำกับดูแล FAIR คือการผลักดันการวิจัยพื้นฐานในระยะยาว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเทคนิคการเรียนรู้แบบมีผู้ดูแล (supervised learning) และวิธีการฝึกสอนที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นพื้นฐานทางปัญญาที่จำเป็นสำหรับการสร้าง LLMs ที่มีประสิทธิภาพ

แม้ว่า LLaMA จะถูกสร้างขึ้นโดยทีมงานเฉพาะทางภายใต้การนำของดร. ชาทรีป กุเลช (Satrajit Ghosh) และทีมวิศวกรที่มุ่งเน้นการใช้งานจริง แต่ความสำเร็จของมันก็หยั่งรากลึกในความก้าวหน้าทางวิชาการที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของ ดร. เลอคุน การวิจัยเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรมเครือข่ายประสาท ไปจนถึงการสำรวจเทคนิคการปรับปรุงประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ของเมตา

การเปิดเผยดังกล่าวสอดคล้องกับโครงสร้างองค์กรของเมตา ซึ่งแบ่งการดำเนินงานด้าน AI ออกเป็นสองส่วนหลัก:

  1. Fundamental AI Research (FAIR): มุ่งเน้นไปที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและระยะยาว ซึ่งนำโดย ดร. เลอคุน งานของ FAIR มักเป็นแนวหน้าของการสำรวจทางทฤษฎี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งานทันที
  2. Applied AI (AI Product Groups): มุ่งเน้นการใช้งานเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงทีมที่พัฒนาโมเดล LLaMA และนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของเมตา

การระบุถึงบทบาททางอ้อมนี้ของ ดร. เลอคุน ช่วยเน้นย้ำว่า:

  • ความสำเร็จของ LLaMA เป็นผลผลิตของการร่วมมือภายในองค์กร: เป็นการผสมผสานระหว่างการวิจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง (จาก FAIR) และความสามารถในการดำเนินการทางวิศวกรรมที่รวดเร็ว (จากทีมผลิตภัณฑ์)
  • การมุ่งเน้นวิสัยทัศน์ที่ใหญ่กว่า: ดร. เลอคุนยังคงมุ่งเน้นไปที่การก้าวข้ามขีดจำกัดปัจจุบันของ LLMs โดยการพัฒนาสิ่งที่เขาเรียกว่า “AI ระดับโลก” (World AI) ซึ่งเป็นระบบ AI ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีความเข้าใจในโลกทางกายภาพและจิตวิทยาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

บทบาทที่แท้จริงของ ดร. เลอคุนจึงมิใช่การเป็นผู้ดูแลการสร้างโมเดลทุกตัว แต่เป็นการทำหน้าที่เป็น “สถาปนิกทางปัญญา” ผู้กำหนดทิศทางของการวิจัยระยะยาวของเมตา เพื่อให้องค์กรมีรากฐานทางเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในอนาคต

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)