OpenAI ตั้งเป้าลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ได้ถึง 30% ผ่านความร่วมมือกับ Broadcom

รายงาน: OpenAI มุ่งลดต้นทุน 20-30% เทียบกับ NVIDIA ด้วยการพัฒนาชิปประมวลผลของตนเอง

OpenAI บริษัทผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังพยายามลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงลิ่ว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาหน่วยประมวลผลสำหรับ AI (AI Accelerators) ภายในองค์กรเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการประหยัดต้นทุนถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการพึ่งพิงชิปประมวลผลกราฟิก (GPUs) ที่มีราคาสูงจาก NVIDIA

ความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ส่งผลให้การพัฒนาและจัดหาฮาร์ดแวร์เฉพาะทางกลายเป็นประเด็นสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิป AI ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการฝึกฝนและใช้งานแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models - LLMs) อาทิ GPT-4 และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อื่นๆ

NVIDIA ครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ
ปัจจุบัน NVIDIA ยังคงเป็นผู้เล่นที่ครอบงำตลาดชิป AI ประสิทธิภาพสูง โดยที่ชิป H100 GPU เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในศูนย์ข้อมูล AI ต่างๆ อย่างไรก็ตาม การผูกขาดนี้ส่งผลให้ราคาของฮาร์ดแวร์พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และทำให้เกิดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานและการขึ้นอยู่กับซัพพลายเออร์รายเดียว นักวิเคราะห์ประเมินว่าการดำเนินการของ OpenAI ในปัจจุบันต้องอาศัย H100 GPUs จำนวนหลายหมื่นตัว ซึ่งแสดงถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ามหาศาล

การลงทุนในการพัฒนาชิปภายใน (In-House Chip Development)
ตามรายงานระบุว่า OpenAI ได้ตั้งเป้าหมายเชิงรุกเพื่อลดการพึ่งพา NVIDIA โดยการพัฒนาชิป AI ของตนเอง การดำเนินการนี้ไม่ใช่เพียงแค่การลดราคาซื้อต่อหน่วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) และการปรับแต่งสถาปัตยกรรมชิปให้เหมาะสมที่สุดกับแบบจำลอง AI ของ OpenAI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกแบบชิปที่ปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะ (Bespoke Hardware) ช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมทั้งในด้านต้นทุนและการตอบสนองต่อความต้องการด้านคอมพิวติ้งที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การประหยัดต้นทุน 20-30% นี้ถือเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญทางธุรกิจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operational Expenditure - OpEx) ที่เกี่ยวข้องกับการรันแบบจำลอง AI ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงค่าไฟฟ้าและค่าบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ การลดต้นทุนในระดับนี้จะช่วยเพิ่มอัตรากำไร (Profit Margin) และสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับ OpenAI ในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่อไป

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Microsoft
Microsoft หนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดใน OpenAI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในความพยายามลดต้นทุนดังกล่าว Microsoft เองก็กำลังพัฒนาชิป AI ภายในของตนเองภายใต้ชื่อโครงการ “Athena” ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ต้องการสร้างความมั่นคงด้านซัพพลายและลดการพึ่งพา NVIDIA
การทำงานร่วมกันระหว่าง OpenAI และ Microsoft ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์อาจนำไปสู่การผสานรวมเชิงลึกยิ่งขึ้นระหว่างซอฟต์แวร์ AI ของ OpenAI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ Azure ของ Microsoft ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกอบรมและการอนุมาน (Inference) ของแบบจำลอง AI

ความท้าทายในตลาดชิป
แม้ว่าเป้าหมายในการลดต้นทุน 20-30% จะเป็นแรงจูงใจที่แข็งแกร่ง แต่การเข้าสู่ตลาดการผลิตชิป (Semiconductor Manufacturing) นั้นเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างยิ่ง บริษัทจะต้องลงทุนมหาศาลในด้านวิศวกรรมการออกแบบชิป (Chip Design Engineering) การจัดการห่วงโซ่การผลิตที่ซับซ้อน (Supply Chain Management) และการรับประกันความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพที่เทียบเท่าหรือดีกว่าโซลูชันที่มีอยู่ของ NVIDIA

โดยสรุป การตัดสินใจของ OpenAI ในการพัฒนาชิป AI ของตนเองเป็นกลยุทธ์เชิงกล้าหาญที่มุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน ลดการพึ่งพิงซัพพลายเออร์ภายนอก และสร้างความแตกต่างทางเทคโนโลยี การประหยัดต้นทุนที่ตั้งเป้าไว้ 20-30% เมื่อเทียบกับ NVIDIA ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มผลกำไร แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาตำแหน่งผู้นำในภูมิทัศน์ AI ที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)