รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยึดอำนาจผู้ผลิตชิปยุโรปท่ามกลางความตึงเครียดทางเทคโนโลยีระหว่างตะวันตกและจีน

การเข้าควบคุมบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของยุโรปโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ท่ามกลางวิกฤตความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีระหว่างชาติตะวันตกและจีน

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ดำเนินการครั้งสำคัญในการเข้าควบคุมส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติยุโรปรายสำคัญ โดยมีสาเหตุหลักจากความวิตกกังวลด้านความมั่นคงของชาติและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแข่งขันทางเทคโนโลยีขั้นสูงระหว่างสหรัฐฯ และจีน การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศตะวันตกต้องปกป้องห่วงโซ่อุปทานและทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่เปราะบางและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก

Nexperia ซึ่งมีฐานการดำเนินงานในเมือง Nijmegen ได้กลายเป็นจุดสนใจหลังจากที่กลุ่มลงทุนในสหรัฐฯ คือ MagnaChip Technology ได้ขายหุ้น 9% ในบริษัทให้กับ Wingtech Technology ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีน การถือครองหุ้นดังกล่าวโดยบริษัทจีนทำให้เกิดความกังวลอย่างหนักในกรุงเฮกและในวอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจากเกิดความเสี่ยงที่เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่มีค่าอาจรั่วไหลไปยังคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ การที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ต้องเข้ามาแทรกแซงในรูปแบบนี้เป็นการใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพในการระงับการซื้อขายหุ้นดังกล่าว

การดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการคัดกรองการลงทุน (Investment Screening Act) ของเนเธอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจเชิงธุรกิจล้วนๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีอาจถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ พระราชบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่รัฐบาลในการตรวจสอบและยับยั้งการลงทุนจากต่างประเทศที่อาจบ่อนทำลายผลประโยชน์ทางเทคนิคหรืยทางทหารของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่มีความไวต่อภัยคุกคาม

ผลจากวิกฤตการณ์นี้ นำไปสู่การตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงกิจการเศรษฐกิจและนโยบายสภาพภูมิอากาศของเนเธอร์แลนด์ที่ได้ออกคำสั่งให้ผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย MagnaChip Technology และ Wingtech Technology ต้องดำเนินการเพิกถอนสัญญาซื้อขายหุ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว หุ้นที่ถูกซื้อขายไปแล้วจะถูกเพิกถอนโดยมีผลบังคับทางกฎหมาย นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลของเนเธอร์แลนด์ยังมีอำนาจในการเรียกเก็บค่าปรับสูงถึง 10% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นมาตรการลงโทษที่มีมูลค่ามหาศาล เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Nexperia ตอกย้ำถึงแนวโน้มที่กำลังเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรปและประเทศตะวันตกอื่นๆ ที่รัฐบาลเริ่มให้ความสำคัญกับ ‘อธิปไตยทางเทคโนโลยี’ (Technological Sovereignty) การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่สหรัฐฯ เพิ่มการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังประเทศจีน ทำให้ประเทศในยุโรปต้องประเมินใหม่ถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับประเทศจีน

Nexperia จัดเป็นผู้ผลิตชิปที่มีความสำคัญเชิงระบบ (Systematically Important) ในระบบนิเวศการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนรถยนต์และอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้ การควบคุมการไหลของเทคโนโลยีและตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของ Nexperia จึงมีความสำคัญสูงสุดต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของเนเธอร์แลนด์ การแทรกแซงโดยตรงของรัฐบาลในกรณีนี้นับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการที่ประเทศต่างๆ เริ่มใช้เครื่องมือรัฐในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สำคัญ

ในทางธุรกิจ การดำเนินการครั้งนี้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง ว่าการเข้าซื้อกิจการหรือการถือครองหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีที่สำคัญของยุโรปจะอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดและอาจถูกยับยั้งได้ในที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ในการวางแผนการลงทุนและการปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance) สำหรับบรรษัทข้ามชาติที่ดำเนินงานในยุโรป โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินและตลาด

โดยสรุป การเข้าควบคุมและควบคุมการซื้อขายหุ้นของ Nexperia โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ มิใช่เป็นเพียงเรื่องของการคัดกรองการลงทุนเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้นในการปกป้องขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของยุโรปจากอิทธิพลภายนอกและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศตะวันตกในการรักษาความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังจะกลายเป็นขุมพลังหลักของเศรษฐกิจในอนาคต

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)