Tsmc ทำผลประกอบการเกินคาดการณ์ 30% พุ่งแรงจากความต้องการ ai

TAIWAN SEMICONDUCTOR MANUFACTURING COMPANY (TSMC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2023 สูงเกินคาด ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์ด้านปัญญาประดิษฐ์

บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบทำสัญญา (foundry) รายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายของตลาดในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 30 จากไตรมาสก่อนหน้า ผลลัพธ์ที่โดดเด่นนี้ตอกย้ำถึงตำแหน่งผู้นำของ TSMC ในอุตสาหกรรมการผลิตชิปขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความต้องการชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การเติบโตที่เหนือความคาดหมายและปัจจัยขับเคลื่อน

TSMC รายงานรายได้รวมทั้งสิ้น 625.5 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 19.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2023 ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม ซึ่งอยู่ที่ 546.7 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน การเติบโตนี้สวนทางกับตลาดเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมที่ยังคงประสบกับความผันผวนและวงจรขาลงในบางส่วน

แหล่งข่าววงในรายงานว่า แรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ TSMC มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing - HPC) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการฝึกอบรมและการใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ ชิปที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการผลิตระดับ 5 นาโนเมตร (N5) และ 3 นาโนเมตร (N3) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI และระบบเร่งความเร็วการประมวลผล (accelerators) ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก

ผลลัพธ์ทางการเงินและอัตรากำไร

นอกเหนือจากรายได้รวมที่น่าประทับใจแล้ว TSMC ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่แข็งแกร่ง แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตสำหรับกระบวนการที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สี่สอดคล้องกับประมาณการที่บริษัทได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ บ่งชี้ถึงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับไตรมาสสี่อยู่ที่ 238.7 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 7.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิจะลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเร่งการผลิตชิปในช่วงหลังการระบาดใหญ่ (Post-Pandemic Boom) แต่การเติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) ที่แข็งแกร่งถึงร้อยละ 13.1 ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์

มุมมองเชิงลึกด้านเทคโนโลยีและความได้เปรียบในการแข่งขัน

ความได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ TSMC ในตลาด AI คือความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการ 3 นาโนเมตร (N3) ซึ่งเริ่มมีการผลิตเชิงพาณิชย์และส่งมอบให้กับลูกค้ารายใหญ่ในปี 2023 เทคโนโลยี N3 นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบชิปที่ต้องการพลังงานต่ำและประสิทธิภาพสูงสำหรับแอปพลิเคชัน AI ขั้นสูงต่างๆ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในปี 2024 การเติบโตของรายได้ของ TSMC จะยังคงขับเคลื่อนด้วยคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่มุ่งเน้นตลาด AI เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปสำหรับ AI Generative และการประมวลผลในระบบคลาวด์ การกระจายตัวของรายได้ตามภูมิศาสตร์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุตสาหกรรมหรือลูกค้าเพียงรายเดียว

แนวโน้มตลาดและความท้าทายในอนาคต

แม้ว่า TSMC จะเริ่มต้นปี 2024 ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และคาดการณ์ว่ารายได้จะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในปีนี้ แต่บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่:

  1. การแข่งขันด้านกำลังการผลิต: การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายอื่นที่พยายามเข้าสู่ตลาดชิปขั้นสูง
  2. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดด้านการค้าเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการส่งออก
  3. ต้นทุนการวิจัยและพัฒนา (R&D): การลงทุนมหาศาลที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น กระบวนการ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.4 นาโนเมตร (A14)

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะที่โดดเด่นในฐานะผู้ผลิตชิปชั้นนำสำหรับลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด ผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ยืนยันว่า TSMC ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิวัติ AI ทั่วโลก และคาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในภาพรวมต่อไป

This Article is sponsored by Gnoppix AI (https://www.gnoppix.org)